หน้าแรกตรวจสอบข้อมูลลวงดร.สุมล นิลรัตน์นิศากร : เราต่างเป็นเหยื่อลวงของฝ่ายการเมือง

ดร.สุมล นิลรัตน์นิศากร : เราต่างเป็นเหยื่อลวงของฝ่ายการเมือง

ดร.สุมล นิลรัตน์นิศากร อาจารย์ / มหาวิทยาลัยพะเยา

โดยบทบาทส่วนตัว หรือ องค์กร ท่านทำงานด้านใด

นักวิจัยโครงการด้านการศึกษาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการทำโครงงานในระดับประถมศึกษาตอนปลาย , มัธยมศึกษาตอนต้นและปลาย2.นักวิชาการด้านการบำบัดน้ำเสียโดยอาศัยพืช การใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร3.จัดการเรียนการสอนด้านกระกวนการมีส่วนร่วมเพื่อการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยพยายามให้นิสิต นักศึกษาเข้าใจบริบทการมีส่วนร่วมที่ไม่แบ่งฝ่ายแต่ให้เห็นประโยชน์ส่วนรวมเพื่อการพัฒนาพื้นที่มากสุด ไม่เน้นเชียร์พรรคและนักการเมือง เน้นสอดแทรกแนวคิดให้สร้างผลงานจากตัวเอง อย่ารอให้นักการเมืองมาช่วย เราต้องเริ่มลงมือทำจากเรา

เกี่ยวข้องกับ นโยบายหรือฝ่ายการเมือง/นักการเมืองอย่างไร

ไม่มี เพราะเลือกทำงานเฉพาะที่ไม่นำตัวเองไปโยงกับการเมือง หรือ นักการเมือง ส่วนท่านใดจะเห็นว่างานเรามีคุณค่า มีประโยชน์ที่จะนำไปส่งเสริมเป็นนโยบายก็ยินดี แต่ต้องให้ประโยชน์นั้นถึงประชาชนจริง ๆ อย่านำไปใส่เป็นนโยบายแค่คำพูดหรือตัวอักษร

ท่านรับสื่อ/ข้อมูลข่าวสารด้านการเลือกตั้ง/ข่าวการเมืองช่องทางใด

FB, Youtube

ก่อนและหลังเลือกตั้ง พบว่ามีข่าวลวง/ข้อมูลลวง หรือไม่อย่างไร

มีกระแสเต้าข่าวลวงมามาก อย่างช้านานเวลาสอนวิชาการมีส่วนร่วม ฯ ต้องบอกว่าสมัยอาจารย์เคยเจอแบบนี้……มานะ อย่าไปเชื่อเขาหมด อย่าไปอกหักถ้าคนที่เราเลือกไม่ได้ อย่าไปดีใจมาก หรือ เสียใจมาก แล้วก็เปิดเพลง “หำเฮี้ยน” ของคาราบาวให้ฟัง การเมืองมันคือเรื่องผลประโยชน์ ผมพูดความจริงขอจงอย่าโกรธ.. แล้วก็เน้นที่ท่อน .. นักเขียนนักข่าว … อย่าคิดว่าเป็นนักเขียนมันง่าย เขียนส่งออกไปรับเงินลูกเดียว งานจับปากกาก็เหมือนชาวนาเขากำด้ามเคียว ขีดเขียน เก็บเกี่ยว มันต่างกันตรงที่ความจริงใจ…แล้วก็บอกนิสิต นักศึกษาว่า สมัยก่อนมีแต่หนังสือพิมพ์ สมัยนี้ นักข่าวก็ยังคงเขียนสคริปต์แต่ออกทางสื่อ Digital Media ให้ดราม่า และ story มาที่ตกลงกันมา ฉะนั้น อย่าไปยึดมั่น อย่าไปเสียใจ ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด  

มีผลกระทบต่อตัวเอง/องค์กร/ชุมชน อย่างไรบ้าง

นิสิต นักศึกษาเป็นเหยื่อสื่อลวงง่ายขึ้น มีครั้งหนึ่งนิสิตเริ่มแสดงความเห็นเชิงลบหลู่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และชื่นชมนักการเมืองบางท่าน ก็เลยลงทุนจ่ายเงินตัวเองพาเด็กๆ ไปดูพื้นที่ทรงงานที่สมเด็จย่า และในหลวง ร 9 ท่านบุกป่าฝ่าดอยต่อสู่กับความยากจนและยาเสพติดที่ดอยตุง คุ้มค่ามาก ๆ ครึ่งเช้าเด็กยังแสดงความเห็นต่อต้าน มีตั้งแต่คำถามว่ามูลนิธิทำแบบนี้แล้วรัฐกับประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ? ไปจนถึงคำถามแรง ๆ อื่น ๆ แต่พอเด็ก ๆ ได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามฐานต่าง ๆ และได้ทราบว่ากว่าจะคิดหาวิธีการต่อสู้กับความยากจน การบุกรุกป่า การปลูกฝิ่น การค้าอาวุธและยาเสพติดเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ก่อนนิสิตเกิดหรืออาจจะยังไม่ตายจากชาติก่อน ขากลับนิสิตส่วนมากเริ่มต่อต้านในหลวงลดลง ข้าพเจ้ารู้สึกภาคภูมิใจมากที่งบ 24,000 บาทที่จ่ายให้นิสิต 22 คน ไปเรียนรู้ดูงานสามารถช่วยแก้ต่างที่คนกล่าวหา บิดเบือนข้อเท็จจริง แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าไม่อาจทำได้ทั้งหมด แต่ก็ได้ช่วยให้เห็นว่า ในหลวงช่วยประชาชนมาตั้งนานตั้งแต่พวกนักการเมืองยังเรียนไม่จบ ยังไม่มาสร้างเรื่องเป่าหูผ่านสื่อที่ตัวเองซื้อด้วยซ้ำ

มีข้อเสนอแนะอย่างไรในการรับมือข่าวลวงทางการเมือง

ควรสอนการแยกแยะด้วยสัมมาทิฐิ (ซึ่งยาก) และสร้างสังคมตรรกะไม่วิบัติไว้เป็นภูมิต้านทาน ส่วนตัวที่บ้านก็แบ่งฝ่ายตอนกีฬาสี แต่พอเราบอกว่า นี่เราเป็นเหยื่อความโกรธของคนสองคนที่เอาประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์กันอยู่นะ โดยโกรธโมโหหน้ามืดตามัวจากทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งรักสีแดงก็หาว่านี่มากล่าวหาพ่อแม่ว่าไม่รู้เรื่องไม่รู้จักคิด อีกข้างรักสีเหลืองก็บอกว่า พวกชั้นมันมีการศึกษาสูง พวกชั้นคือคนจบจากเมืองนอก คนเป็น ศ. รศ. ผศ. นักวิชาการ มีแต่พวกแกที่โง่ ถูกเขาหลอก ซึ่งจริง ๆ มันก็ถูกหลอกทั้งสองฝ่าย เขาจะเอาข้อเท็จจริงที่เอื้อให้เขาถูกมาสื่อสารให้ผู้คนทราบทั้งนั้น ไม่มีใครบอกว่าฉันมีข้อเสียเรื่องนี้นะประชาชน ฉะนั้น การให้คนคิดเอง ตรองเองให้ได้ ว่า การที่เขาทำแบบนี้ ใครบ้างที่จะได้ประโยชน์ ใครบ้างที่น่าจะอยู่เบื้องหลัง แล้วถ้าเป็นเรา ถ้าเราไม่ได้ประโยชน์เรื่องนี้เราจะมาลงทุนทำแบบนี้ไหม คำถามที่ยั้งการกระทำ หรือ ย้อนแบบทวนสอบเรื่องราว สามารถช่วยกระตุ้นตรรกะ ให้ไม่วิบัติได้ ภายใต้บริบทข้อเท็จจริงที่เป็นกลาง สังคมเราไม่มีความเป็นตรงกลางที่มา Weight  เพื่อเอื้อให้สังคมส่วนรวมมาช้านาน ส่วนมากจะเอื้อให้พรรคพวก นโยบายก็ส่วนภูมิพวก ไม่ใช่ภูมิภาค

คิดว่า นักการเมือง หรือสื่อ เป็นผู้สร้างข่าวข้อมูลลวง

เขาทำงานกันเป็นทีม นักการเมืองมีสื่อ สื่อได้รับงบจากนักการเมือง ข้อมูลลวงสร้างกระแส โหนกระแส ย่อยข่าว หรือ ช่อง Youtube ที่ดูมาตรฐานยกระดับสากลโลก ก็ไม่ได้นำเสนอหรือเลือกบุคคลที่เป็น Influencer ที่เลือกข้างมาเรียบร้อยแล้วมาออกสื่อ มาให้สัมภาษณ์ ให้ความเห็นแบบที่สร้างการสะกดจิตหมู่มวลวัยรุ่น ยุวรุ่นให้หลงเชื่อ อีกกลุ่มที่เชื่อง่าย คือทีมเสื้อแดงคนแก่ สว ที่บ้านก็เชื่ออะไรก็ไม่รู้ ต้องถามเป็นต่อน ๆ ว่า ยาย แล้วถ้าแบบนี้ยายจะทำ ทำไมที่เขาใส่ความมา เป็นยาย ยายจะทำไหม เพื่ออะไร คนไทยกตัญญู บูชาคนให้เงิน เขาดีแบบนี้แบบนั้นแบบโน้น ก็จะเชื่อฝังหัวว่าเขาดี คนไทยติดละคร ติดเชียร์มวยรอง ติด drama addict สังคมไทยที่ผ่านมาการศึกษาของรุ่น Baby Bloom ลืมสอนเรื่องการคัดกรองข่าว เป็นสังคมของคนกตัญญูเชื่อผู้มีพระคุณแบบบูชาเงินตรา

ผู้สัมภาษณ์ นพพร ทาทาน