นายพันธกร ตันติเพชราวรรณ์ ครูชำนาญการ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม
บทบาทส่วนตัว หรือ องค์กรทำงานด้านใด | ๑. ด้านวิชาการ – ครูผู้สอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย/ความรู้เบื้องต้นทางรัฐศาสตร์/ความรู้เบื้องต้นทางการเมือง/หัวหน้ากลุ่มลูกเสือระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ๒. ด้านปกครอง – หัวหน้าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ / หัวหน้างานส่งเสริมประชาธิปไตยและสภานักเรียน |
เกี่ยวข้องกับ นโยบายหรือฝ่ายการเมือง/นักการเมืองอย่างไร | ๑. โดยส่วนตัวไม่ได้มีความผูกพันหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับนักการเมืองในทุกระดับ เพราะถือคติว่า “ตัวเราต้องเป็นกลางทางการเมือง” ๒. ถ้าจะเกี่ยวกับนโยบายก็จะเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา การปกครอง ความเป็นอยู่ในทางเศรษฐกิจและสังคม |
ท่านรับสื่อ/ข้อมูลข่าวสารด้านการเลือกตั้ง/ข่าวการเมืองช่องทางใด | ๑. ข่าวสารทางโทรทัศน์ ๒. สื่อสังคมสารสนเทศ (Social Media) เช่น ยูทูป เฟซบุ๊ค ไลน์ การสืบค้นผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต ๓. สื่อสิ่งพิมพ์เช่น หนังสือพิมพ์ วารสาร ๔. สื่อท้องถิ่น |
ก่อนและหลังเลือกตั้ง พบว่ามีข่าวลวง/ข้อมูลลวง หรือไม่อย่างไร | พบว่ามีส่วนมากเป็นไปในลักษณะโฆษณาชวนเชื่อเรื่อง ๑. นโยบายพรรคที่เขียนไว้ว่าจะทำแต่ความเป็นจริงอาจไม่สามารถทำได้ทั้งหมด ๒. การโจมตีด้วยคำพูด / การกล่าวร้ายพาดพิง / พูดในสิ่งที่เป็นอุดมการณ์ชวนฝันเฟื่องแต่มีสิ่งแอบแฝงที่ให้คุณหรือโทษได้ |
มีผลกระทบต่อตัวเอง/องค์กร/ชุมชน อย่างไรบ้าง | ๑. หากผู้รับฟังไม่ฉุกคิดวิเคราะห์ สืบค้นหาข้อมูล/ข้อเท็จจริง ความเป็นไปได้ ก็จะเป็นเหยื่อของบุคคล องค์กร พรรคที่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง ๒. แม้อาจไม่มีผลกระทบต่อตนเองหรืออาจมีผลน้อย แต่คนที่ไม่เข้าใจให้ถ่องแท้ก็ถูกล่อลวงทำให้หลงไปซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี |
มีข้อเสนอแนะอย่างไรในการรับมือข่าวลวงทางการเมือง | ๑. อย่าเพิ่งเชื่อโดยทันที หาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าเอาอคติของตนมาเป็นที่ตั้ง ๒. เมื่อมีใครมาบอกกล่าวอะไรที่เกี่ยวกับข่าวการเมือง/โฆษณาการเมือง ให้นิ่ง ใช้สติรับฟัง พิจารณาความเป็นเหตุผล ๓. หากมีใครมาเชิญชวนให้ไปมีส่วนร่วมในการแสดงออก/เรียกร้องทางการเมือง ให้คิดและตั้งคำถามกับตนเองก่อนว่าไปแล้วได้ประโยชน์อะไร ทำไปแล้วก่อให้เกิดผลดี-เสียต่อตนเองอย่างไร มีผลกระทบระยะยาวต่อตนเองหรือไม่ ขัดต่อหลักกฎหมายบ้านเมืองหรือเปล่า แล้วถึงค่อยตอบตกลงถ้าทำแล้วก่อให้เกิดผลดี หรือปฏิเสธถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแบบไม่หักหาญน้ำใจกัน |
คิดว่า นักการเมือง หรือสื่อ เป็นผู้สร้างข่าวข้อมูลลวง | ๑. นักการเมืองก็สามารถสร้างข่าวข้อมูลลวงได้หากเขาหวังจะทำให้ตนเองดูดีเพื่อไม่อยากให้เสียชื่อเสียงเกียรติยศ การสร้างภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูดีแต่เบื้องหลังก็ยากที่ใครจะไปตรวจสอบสืบค้นได้ (บุคคลลึกลับ) ๒. สื่อก็มีอิทธิพล ก็สามารถสร้างข่าวลวงได้ โดยเฉพาะการใส่ทัศนคติ/การอภิปราย/การวิพากษ์ของตนที่มีต่อข่าวนั้นๆ โดยลืมว่าข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลทั้งหมดที่มีหรือได้มานั้นเป็นอย่างไร การอธิบายบนพื้นฐานความจริงมิใช่เป็นการชี้นำทำให้คนเขาเชื่อด้วยชุดความคิดอะไร ยิ่งหากเป็นสื่อชื่อดังก็สามารถจูงใจความน่าเชื่อถือของคนได้มาก สื่อเป็นดาบสองคมที่ก่อให้เกิดคุณและโทษได้หากคนที่รับฟังหรือบริโภคสื่อจะรู้จักระมัดระวังตนหรือไม่ กล่าวโดยสรุป ไม่ว่าจะนักการเมืองหรือสื่อซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสถาบันทางการเมืองก็มีโอกาสที่จะสร้างข่าวข้อมูลลวงได้ ผู้รับข่าวสารต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนเชื่อและระวังอคติของตนที่จะไปไปตัดสินว่าใครถูกผิด ระวังการวิจารณ์ที่ไร้สาระที่เกิดจากตัวเองหรือการไปรับฟังข้อมูลข่าวสารซึ่งอาจไม่ครบถ้วนก็อาจเป็นได้ |